S.J.Sourcing สรุปให้
- พื้น SPC คือวัสดุปูพื้นรุ่นใหม่ที่มีแกนกลางเป็นคอมโพสิตพลาสติกแข็ง ทนน้ำ ทนความชื้น และทนแรงกระแทกได้สูง
- พื้นลามิเนต คือวัสดุปูพื้นที่มีแกนกลางเป็นไฟเบอร์บอร์ด ราคาถูกกว่า มีลายหลากหลาย แต่ไม่ทนน้ำเท่าพื้น SPC
- พื้น SPC เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องครัว หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก
- พื้นลามิเนตเหมาะกับพื้นที่แห้ง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ที่ต้องการความสวยงามในราคาที่จับต้องได้
- พื้น SPC มีอายุการใช้งานนานกว่า แต่ราคาสูงกว่าพื้นลามิเนต
พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต ได้รับความนิยมจากเจ้าของบ้านที่ต้องการความสวยงามแบบพื้นไม้ แต่ต้องการความคุ้มค่าและการดูแลรักษาที่ง่ายกว่า บทความนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง พื้น SPC กับพื้นลามิเนต ในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกวัสดุปูพื้นที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้ค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต คืออะไร?
ก่อนเปรียบเทียบรายละเอียดความแตกต่าง เรามาทำความรู้จัก พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต กันก่อนค่ะ เพื่อให้เห็นภาพรวมและโครงสร้างพื้นฐานของวัสดุแต่ละชนิด
พื้น SPC
พื้น SPC ย่อมาจาก Stone Plastic Composite หรือ Stone Polymer Composite เป็นกระเบื้องยางปูพื้นรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของพื้นลามิเนตแบบดั้งเดิม โครงสร้างประกอบด้วย 4 ชั้นหลัก คือ
จุดเด่นของพื้น SPC คือความแข็งแรงทนทาน กันน้ำได้ 100% และมีความเสถียรด้านขนาดสูง ไม่ขยายหรือหดตัวเมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง
พื้นลามิเนต
พื้นลามิเนต (Laminate Flooring) เป็นวัสดุปูพื้นที่มีมานานกว่า เป็นที่รู้จักเพราะราคาไม่สูง โครงสร้างประกอบด้วย 4 ชั้นหลัก คือ
ข้อสังเกตคือ แกนกลางของพื้นลามิเนตทำจากวัสดุที่ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบ มีข้อดีเรื่องความนุ่มนวลในการเดิน แต่มีข้อจำกัดเรื่องความทนทานต่อน้ำและความชื้น
ความต่างด้านคุณสมบัติระหว่าง พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต
การเปรียบเทียบคุณสมบัติของ พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต จะช่วยให้เข้าใจข้อดีข้อเสียและเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ดีขึ้น
ความทนทานต่อรอยขีดข่วน
พื้นทั้งสองประเภทมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของชั้นเคลือบผิว
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีชั้นเคลือบผิวหนากว่า ทั่วไปอยู่ที่ 0.3-0.7 มิลลิเมตร
- มีความทนทานสูงต่อการขูดขีดจากเฟอร์นิเจอร์หนัก สัตว์เลี้ยง หรือรองเท้าส้นสูง
- สามารถเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยีเคลือบผิวพิเศษที่ทนทานขึ้นได้ เช่น เทคโนโลยี Ceramic Bead ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพื้นผิว
| - ชั้นเคลือบผิวบางกว่า ทั่วไปอยู่ที่ 0.1-0.5 มิลลิเมตร
- มีความทนทานปานกลางต่อการขูดขีด แต่อาจเกิดรอยได้ง่ายกว่าในกรณีที่เลือกรุ่นราคาถูก
- รุ่นคุณภาพสูงมีเทคโนโลยีป้องกันรอยขีดข่วน แต่ราคาจะสูงขึ้นจนใกล้เคียงกับราคาพื้น SPC
|
จากการเปรียบเทียบ พื้น SPC กับพื้นลามิเนต จะเห็นว่าพื้น SPC มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนมากกว่าในระดับราคาเดียวกัน

อ่านเพิ่มเติม — 5 ข้อเสียของพื้นลามิเนต ที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้
การทนน้ำและความชื้น
หนึ่งในความแตกต่างที่ชัดที่สุดระหว่างพื้น SPC กับพื้นลามิเนต คือความสามารถในการทนน้ำและความชื้น
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- ทนน้ำได้ 100% ด้วยแกนกลางที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์และพลาสติก
- ไม่บวมน้ำหรือโก่งงอ เมื่อสัมผัสน้ำ/ความชื้นเป็นเวลานาน
- เหมาะสำหรับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องครัว หรือชั้นใต้ดิน
- ทนต่อการรั่วซึมและหกของของเหลว
| - ต้านทานน้ำได้แค่ระยะสั้น ๆ (ประมาณ 24-48 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับคุณภาพ)
- แกนกลางที่ทำจาก HDF จะดูดซับความชื้นและบวมน้ำเมื่อสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานาน
- ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้นหรือที่มีโอกาสน้ำหกบ่อย
- พื้นลามิเนตรุ่นใหม่บางรุ่นมีการเคลือบกันน้ำพิเศษ (water-resistant) แต่ไม่สามารถกันน้ำได้สมบูรณ์เหมือนพื้น SPC
|
ความสามารถในการทนน้ำของพื้น SPC เป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่าพื้นลามิเนต
ความทนทานต่อแรงกระแทก
ความทนทานต่อแรงกระแทกก็เป็นปัจจัยในการเลือกระหว่างพื้น SPC กับพื้นลามิเนต
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีความแข็งและหนาแน่นสูง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
- ไม่เกิดรอยบุ๋มง่ายเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์หนักหรือทำของหล่นใส่
- เหมาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น ทางเดินหลัก หรือพื้นที่ธุรกิจ
- มีความเสถียรด้านขนาดที่ดีกว่า ไม่ยืดหรือหดตัวตามอุณหภูมิ
| - มีความแข็งน้อยกว่า สามารถเกิดรอยบุ๋มได้เมื่อรับแรงกดมาก ๆ
- เกิดความเสียหายได้ง่ายเมื่อของหนักตกกระแทก
- รุ่นคุณภาพสูงจะมีความหนาและความหนาแน่นมากขึ้น เพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทก
- มีการยืดและหดตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิกับความชื้น
|
เมื่อเปรียบเทียบพื้น SPC กับพื้นลามิเนต จะพบว่าพื้น SPC มีความทนทานต่อแรงกระแทกมากกว่า ทำให้เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง หรือพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่น
ความรู้สึกในการสัมผัส
ความรู้สึกเมื่อเดินบนพื้น เป็นปัจจัยด้านความสบายที่หลายคนมองข้าม
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีความแข็งและให้ความรู้สึกหนักแน่นเมื่อเดิน
- รู้สึกเย็นกว่าเมื่อสัมผัส เพราะวัสดุหลักเป็นพลาสติก
- รุ่นใหม่มีชั้นโฟมรองพื้นเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายและลดเสียงเวลาเดิน
- เหมาะกับการติดตั้งระบบทำความร้อนใต้พื้น (underfloor heating)
| - ให้ความรู้สึกนุ่มและอุ่นกว่าเมื่อเดิน เพราะมีส่วนประกอบของไม้
- มีความยืดหยุ่นมากกว่าเล็กน้อย ทำให้รู้สึกสบายเท้ากว่าในการยืนเป็นเวลานาน
- มีเสียงดังกว่าเล็กน้อยเมื่อเดิน โดยเฉพาะถ้าติดตั้งไม่ดีหรือไม่มีวัสดุรองพื้น
- ต้องระวังเรื่องการติดตั้งระบบทำความร้อนใต้พื้น เพราะอาจทำให้เกิดการยืดหดตัวมากเกิน
|
ด้านความรู้สึกสัมผัส เมื่อเปรียบเทียบพื้น SPC กับพื้นลามิเนต พบว่าพื้นลามิเนตให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติและอุ่นกว่า แต่พื้น SPC รุ่นคุณภาพสูงก็มีชั้นรองพื้นที่สามารถให้ความสบายใกล้เคียงกันได้

อ่านเพิ่มเติม — พื้น SPC ข้อเสีย/ข้อดี มีอะไรบ้าง ?
ความหลากหลายของลายและสีสัน
ลวดลายและความสวย เป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกระหว่างพื้น SPC กับพื้นลามิเนต
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีลายและสีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะลายไม้ธรรมชาติ
- เทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลทำให้ลวดลายมีความคมชัดและเหมือนจริง
- มีลายนูนตามลายไม้ (embossed texture) ที่สมจริง สัมผัสได้ถึงร่องลายไม้
- มีรุ่นพิเศษที่ลอกเลียนวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ เช่น หิน กระเบื้อง
| - มีประวัติการพัฒนาลวดลายมานาน มีความหลากหลายมากกว่า
- ตัวเลือกของลายไม้มีหลายชนิด ตั้งแต่ไม้คลาสสิคจนถึงไม้ที่มีลายแปลกตา
- มีข้อได้เปรียบในการเลือกสีที่หลากหลาย ทั้งโทนอ่อนและโทนเข้ม
- มีทั้งลายไม้แบบมันวาวและแบบด้าน ให้เลือกตามความชอบ
|
ด้านความหลากหลายของลาย การเปรียบเทียบพื้น SPC กับพื้นลามิเนต แสดงให้เห็นว่าพื้นลามิเนตมีตัวเลือกที่มากกว่าเล็กน้อย แต่พื้น SPC ก็กำลังพัฒนาลวดลายให้มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เปรียบเทียบด้านการติดตั้ง พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต
เลือกซื้อระหว่าง พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต ควรพิจารณาที่วิธีการติดตั้ง เพราะส่งผลต่อทั้งค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการปูพื้น
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีระบบล็อคแบบคลิก (click-lock system) ติดตั้งได้ง่ายแบบลอยตัว ไม่ต้องใช้กาว
- มีความแข็งแรงและทนต่อการบิดงอ ติดตั้งสะดวก ไม่เกิดปัญหาหลุดล็อค
- สามารถติดตั้งบนพื้นเดิมได้ แม้พื้นเดิมจะไม่เรียบ เพราะมีความแข็งแรงและทนทานสูง
- ไม่จำเป็นต้องปรับระดับพื้นมาก สามารถทนต่อความไม่เรียบของพื้นได้ระดับหนึ่ง
- มีความหนาน้อยกว่า (ประมาณ 4-6 มม.) ไม่ต้องตัดประตูหรือปรับความสูงของเฟอร์นิเจอร์มาก
| - มีระบบล็อคแบบคลิกเหมือนกัน แต่ไม่แข็งแรงเท่าพื้น SPC
- ต้องการพื้นฐานที่เรียบกว่า ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาการโก่งงอหรือเสียงดังเวลาเดิน
- จำเป็นต้องวางแผ่นรองพื้น (underlayment) เพื่อช่วยป้องกันความชื้นและเพิ่มความสบายเท้า
- ต้องทิ้งระยะห่างจากผนังมากกว่า (ประมาณ 10-15 มม.) เพื่อรองรับการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิหรือความชื้นเปลี่ยนแปลง
- มีความหนามากกว่า (ประมาณ 8-12 มม.) จำเป็นต้องปรับความสูงของประตูหรือเฟอร์นิเจอร์
|
ทั้งสองประเภทสามารถติดตั้งด้วยตัวเองได้ ถ้ามีทักษะและเครื่องมือพื้นฐาน แต่พื้น SPC มีข้อได้เปรียบในการติดตั้งที่ง่ายและมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า สามารถติดตั้งในพื้นที่ใหญ่ได้โดยไม่ต้องมีแนวรอยต่อมาก ขณะที่พื้นลามิเนตจำเป็นต้องมีแนวรอยต่อเมื่อติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่
อายุการใช้งานกับการดูแลรักษา พื้น SPC เทียบกับ พื้นลามิเนต
อายุการใช้งานและความง่ายในการดูแลรักษา เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความคุ้มค่าในระยะยาว การเปรียบเทียบ พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต ด้านนี้ จะช่วยให้เห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานค่ะ
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- มีอายุการใช้งานนาน 20-30 ปี ถ้าได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดได้ง่ายแค่ใช้ไม้ถูพื้นหมาด ๆ หรือผ้าชุบน้ำบิดหมาด
- สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดได้หลายชนิด รวมถึงน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยไม่ทำให้พื้นเสียหาย
- ไม่ต้องการการบำรุงรักษาพิเศษ เช่น การลงแวกซ์หรือการขัดเงา
- ถ้าเกิดความเสียหายเฉพาะจุด สามารถแกะแผ่นที่เสียหายออกและเปลี่ยนใหม่ได้โดยไม่กระทบพื้นที่อื่น
| - มีอายุการใช้งาน 15-25 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการดูแลรักษา
- การทำความสะอาดต้องระวังเรื่องความชื้น ไม่ควรใช้ไม้ถูพื้นเปียก ควรใช้ผ้าหมาด ๆ
- ต้องระวังในการใช้น้ำยาทำความสะอาด ไม่ควรใช้สารที่มีฤทธิ์รุนแรงหรือมีความเป็นกรด/ด่างสูง
- ต้องการการดูแลเพิ่มเติมเพื่อรักษาความเงางาม เช่น การใช้น้ำยาทำความสะอาดพิเศษสำหรับพื้นลามิเนต
- การซ่อมแซมทำได้ยากกว่า เพราะการเปลี่ยนแผ่นที่เสียหาย จำเป็นต้องรื้อพื้นทั้งหมดตั้งแต่จุดที่ใกล้สุดกับผนัง
|
ในแง่การดูแลรักษา การเปรียบเทียบพื้น SPC กับพื้นลามิเนตแสดงให้เห็นว่า พื้น SPC มีความสะดวกและง่ายกว่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านความชื้นหรือการหกของของเหลว
ราคาของพื้น SPC กับ พื้นลามิเนต
พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
- ราคาเริ่มต้น 800-2,500 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความหนาของชั้นเคลือบผิว
- รุ่นพรีเมียมที่มีความหนาของชั้นเคลือบผิวสูงและมีเทคโนโลยีพิเศษ ราคาอาจสูงถึง 3,000 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าติดตั้งประมาณ 150-250 บาทต่อตารางเมตร (ถ้าใช้บริการช่างมืออาชีพ)
- มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ เพราะทนทานและง่ายต่อการทำความสะอาด
- การลงทุนที่สูงกว่าในช่วงแรก จะเห็นความคุ้มในระยะยาว เพราะอายุการใช้งานที่นานและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
| - ราคาเริ่มต้น 450-1,500 บาทต่อตารางเมตร ราคาจับต้องได้กว่า
- รุ่นคุณภาพสูงที่มีความทนทานขึ้น อาจมีราคาสูงถึง 2,000 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าติดตั้งใกล้เคียงกับพื้น SPC ประมาณ 150-250 บาทต่อตารางเมตร
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับแผ่นรองพื้น (underlayment) ประมาณ 50-100 บาทต่อตารางเมตร
- มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมสูงกว่าในระยะยาว กรณีเกิดความเสียหายจากน้ำหรือความชื้น
|
เมื่อพิจารณาด้านราคา พื้นลามิเนตมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนเริ่มต้นที่ถูกกว่า ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีเงินจำกัดหรือโครงการระยะสั้น ขณะที่พื้น SPC เป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่าในระยะยาวสำหรับผู้ที่ต้องการความทนทาน และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่ะ
สรุป
การเลือกระหว่าง พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะ เงิน และสภาพแวดล้อมการใช้งานของแต่ละบุคคล ทั้งสองประเภทต่างก็มีข้อดีกับข้อจำกัดแตกต่างกัน
พื้น SPC เหมาะสำหรับ
- พื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องครัว หรือชั้นใต้ดิน
- บ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ที่ต้องการพื้นทนทานต่อรอยขีดข่วนและการกระแทก
- ผู้ที่ต้องการพื้นที่ดูแลรักษาง่ายและมีอายุการใช้งานนาน ๆ
- พื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึง เพราะไม่ค่อยซีดจางและไม่ขยายตัวเมื่อโดนความร้อน
พื้นลามิเนตเหมาะสำหรับ
- พื้นที่แห้ง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ที่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำหรือความชื้นสูง
- ผู้ที่มีเงินจำกัดแต่ต้องการพื้นที่ที่มีความสวยเหมือนไม้จริง
- ผู้ที่ต้องการความหลากหลายของลวดลายและสีสัน
- โครงการระยะสั้นหรือพื้นที่ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้
ตารางสรุปเปรียบเทียบ พื้น SPC กับ พื้นลามิเนต
คุณสมบัติ | พื้น SPC | พื้นลามิเนต |
วัสดุแกนกลาง | Stone Plastic Composite | High-Density Fiberboard (HDF) |
การทนน้ำ | ดีเยี่ยม (100% กันน้ำ) | ปานกลาง (ทนน้ำชั่วคราว) |
ความทนทานต่อรอยขีดข่วน | สูง | ปานกลาง |
ความทนทานต่อแรงกระแทก | สูง | ปานกลาง |
ความรู้สึกเมื่อเดิน | แข็ง เย็นกว่า | นุ่ม อุ่นกว่า |
ความหลากหลายของลาย | มาก | มากที่สุด |
ความง่ายในการติดตั้ง | ง่าย | ง่าย |
อายุการใช้งาน | 20-30 ปี | 15-25 ปี |
การดูแลรักษา | ง่าย | ต้องระวังเรื่องน้ำ |
ราคาเริ่มต้น | 800-2,500 บาท/ตร.ม. | 450-1,500 บาท/ตร.ม. |
พื้นที่เหมาะสม | ทุกพื้นที่รวมห้องครัว | พื้นที่แห้ง ห้องนอน ห้องนั่งเล่น |
